วันอาทิตย์ที่ 10 สิงหาคม พ.ศ. 2557

ประเภทของข้อเสื่อม

           โรคข้อเสื่อมแบ่งเป็น 2 ประเภทามสาเหตุและปัจจัยเสริม ได้แก่ 1.ข้อเสื่อมชนิดปฐมภูมิ (primary) คือไม่สามารถระบุสาเหตุหรือปัจจัยเสริมได้ชัดเจน และเป็นประเภทที่พบบ่อยที่สุด ส่วน 2.ข้อเสื่อมชนิดทุติยภูมิ (secondary) เกิดจากสาเหตุทางเมตาบอลิก เช่นโรคเก๊าท์เทียม ข้อเสื่อมจากการบาดเจ็บ และข้อเสื่อมจากโรคข้อเรื้อรังเช่นข้ออักเสบรูมาตอยด์ อย่างไรก็ตามโรคข้อเสื่อมทั้งสองประเภทนี้จะมีอาการและอาการแสดงที่คล้ายคลึงกัน


       สาเหตุของโรค โรคข้อเสื่อมเกิดจากหลายสาเหตุ ดังนี้
   1. ปัจจัยทั่วไป (constitutional factors) เช่น พันธุกรรม เพศ อายุที่มากขึ้น น้ำหนักตัว
เพศ เพศหญิงมีโอกาสเกิดข้อเสื่อมมากกว่าเพศชายถึง 2 เท่า โดยเฉพาะผู้หญิงที่มีอายุ 50 ปีขึ้นไปหรือช่วงวัยหมดประจำเดือน เนื่องจากขาดฮอร์โมนเพศเอสโตรเจน (estrogen) ส่งผลให้เซลล์กระดูกอ่อนที่มีตัวจับกับฮอร์โมนเพศหญิงทำงานน้อยลง ทำให้การสร้างโปรติโอไกลแคน (proteoglycan) ที่ใช้ซ่อมแซมเซลล์กระดูกอ่อนลดลง อย่างไรก็ตามพบว่าหญิงวัยหมดประจำเดือนที่ได้รับยาฮอร์โมนเอสโตรเจนทดแทน จะช่วยลดโอกาสเกิดข้อเข่าและข้อสะโพกเสื่อมได้
       อายุ โดยพบว่ามากกว่าร้อยละ 80 ของผู้ที่มีอายุมากกว่า 75 ปีจะเป็นโรคข้อเสื่อม ถ้านำผู้สูงอายุกลุ่มดังกล่าวมาถ่ายภาพเอกซเรย์ก็จะพบข้อเสื่อมทุกราย แต่จะมีอาการหรือไม่นั้นก็ขึ้นกับปัจจัยอื่นอีก ทั้งนี้จากการศึกษาพบว่าเมื่ออายุมากขึ้นการตอบสนองต่อสารกระตุ้นการเจริญเติบโต (growth factor) จะลดลง การสังเคราะห์โปรติโอไกลแคนไม่สมบูรณ์ มีโปรตีนเชื่อมต่อน้อยลง นอกจากนี้อายุที่มากขึ้นยังทำให้เซลล์กระดูกหมดอายุขัยเร็วขึ้น รวมถึงการสร้างและการซ่อมแซมเซลล์กระดูกอ่อน (chondrocyte) ลดลง
      ความอ้วน บุคคลที่มีน้ำหนักมากหรือมีค่าดัชนีมวลกาย (body mass index, BMI) สูงกว่าปกติจะมีโอกาสเสี่ยงต่อโรคข้อเข่าเสื่อมเพิ่มขึ้น เนื่องจากข้อเข่าเป็นจุดรับน้ำหนักของร่างกาย เมื่อน้ำหนักเพิ่มขึ้นแรงที่กดลงบนผิวข้อก็จะเพิ่มขึ้น และเนื่องจากข้อเข่าเป็นข้อที่ใช้ในการทรงตัวมากที่สุด ดังนั้นเมื่อใช้งานข้อเข่าอย่างหนักเช่นขึ้นลงบันไดมาก แบกของหนัก จะยิ่งเพิ่มแรงกดลงที่ข้อเข่า นอกจากนี้น้ำหนักที่มากเกินไปยังมีผลต่อท่าทางการเดิน ทำให้เข่าโก่งออกทำให้เวลาเดินจะเจ็บข้อเข่าด้านในได้
      2. ปัจจัยเฉพาะที่ (local adverse mechanical factors) เช่น ตำแหน่งของข้อ การบาดเจ็บที่ข้อ ตำแหน่งของข้อ มีผลอย่างมากเนื่องจากเป็นบริเวณที่ต้องรับน้ำหนัก เช่นข้อเข่า ข้อเท้า ข้อนิ้วหัวแม่เท้า ข้อสะโพก แต่ละข้อมีเอนไซม์และการตอบสนองต่อการอักเสบต่างกัน สารที่เกี่ยวข้องกับการอักเสบที่สำคัญคือสารไซโตไคน์ (cytokine) โดยพบว่าที่เซลล์กระดูกอ่อนข้อเข่ามีตัวรับไซโตไคน์ ชนิดอินเตอร์ลิวคิน 1 (interleukine 1, IL- 1) และเอนไซม์ MMP-8 มากกว่าที่ข้อเท้า ดังนั้นข้อเข่าจึงมีโอกาสเสื่อมมากกว่าที่ข้อเท้า
        การบาดเจ็บ เป็นจุดเริ่มต้นของข้อเสื่อม โดยอาจเริ่มจากบาดเจ็บเล็กน้อยและซ้ำซาก ซึ่งใช้ระยะเวลานานพอสมควรกว่าจะกลายเป็นข้อเสื่อม การบาดเจ็บทำให้หลอดเลือดที่ไปเลี้ยงภายในข้อลดลง ทำให้สารอาหารถูกดูดซึมเข้ามาใช้ซ่อมแซมลดลง นอกจากนี้อาจเกิดรอยร้าวเล็กๆ (microfracture) บริเวณรอยต่อระหว่างกระดูกกับกระดูกอ่อนและมีหินปูนมาจับบริเวณรอยต่อดังกล่าว (subchondral bone sclerosis หรือ spur หรือ osteophyte) นอกจากนี้อาจพบโพรงน้ำภายในกระดูกที่อยู่ใต้กระดูกอ่อน (subchondral bone cyst) สิ่งเหล่านี้ทำให้ความยืดหยุ่นของข้อลดลง รับแรงกระแทกได้น้อยลง เมื่อเป็นเรื้อรังจะทำให้โครงสร้างของข้อผิดรูปไปจากปกติ และทำให้เกิดอาการปวด รวมถึงมีปัญหาในการใช้งานข้อนั้นๆ
       นอกจากนี้ปัจจัยเฉพาะที่อื่นๆ ที่ทำให้เกิดข้อเสื่อมได้ เช่น อาชีพที่เกี่ยวข้องกับการใช้ข้อ โครงสร้างพื้นฐานของข้อในแต่ละบุคคลเช่น โครงสร้างของเส้นเลือด ความสามารถในการซ่อมแซมตัวเอง ฯลฯ

       อาการและอาการแสดงของโรคข้อเข่าเสื่อม
       อาการโดยร่วมของโรคข้อเข้าเสื่อม ได้แก่ อาการบวมปวด ฝืดตึงข้อตอนเช้า ปวดเสียดในข้อ อาจได้ยินหรือรู้สึกกุบกับภายในข้อ มักมีอาการมากขึ้นเมื่อมีการเคลื่อนไหวหรือหลังการใช้งานข้อมากขึ้น อาการปวดมักดีขึ้นหลังหยุดใช้งาน แต่ในรายที่เป็นมากแม้ว่าจะหยุดใช้งานข้อดังกล่าวแล้วอาการปวดอาจคงอยู่ได้หลายชั่วโมง รายที่มีอาการอักเสบบ่อย ผิวข้อจะแคบลงโดยเห็นได้จากภาพเอกซเรย์ และทำให้ข้อผิดรูป เช่นเข่าโก่ง จนทำให้ใช้งานข้อนั้นได้ไม่เหมือนปกติ อย่างไรก็ตามผู้ป่วยแต่ละรายอาจมีอาการแตกต่างกัน ขึ้นกับสาเหตุที่ทำให้เกิดข้อเสื่อมด้วย เช่นการบาดเจ็บจากเล่นกีฬา การที่เคยเป็นโรคข้ออักเสบอื่นมาก่อ เช่นข้ออักเสบจากผลึกเกลือ ข้ออักเสบรูมาตอยด์ บางรายเกิดจากการใช้งานมากเกินไปหรือใช้งานผิดประเภท นอกจากนี้ปัจจัยส่วนบุคคลเช่น เพศ อายุ น้ำหนักตัว ความแข็งแรงของระบบกล้ามเนื้อเส้นเอ้นที่พยุงข้อ ก็มีผลให้อาการและความรุนแรงในแต่ละคนไม่เท่ากัน

          จ้อนท์แคร์(jontkare) เป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ล่าสุดที่ให้ผลจากการรับประทาน 100% เห็นผลจริง รวดเร็ว ชัดเจน จึงขายดีที่สุดในขณะนี้
      ผลิตภัณฑ์ จ้อนท์แคร์(jontkare) สามารถป้องกันและแก้ปัญหาโรคข้อเสื่อม ได้ผลจริง
      ปริมาณและราคา 1 ขวดบรรจุ 30 เม็ด ราคา 1,050 บาท
      ดูข้อมูลที่   http://jontkaremir.blogspot.com
      สั่งซื้อและเป็นตัวแทนจำหน่ายที่
คุณ วีระชัย  ทองสา    โทร.084-6822645 , 085-0250423
ID Line : weerachaicoffee
อีเมล์  weerachai.coffee@hotmail.com  



    

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น