พฤติกรรมที่ควรหลีกเลี่ยง
หากคุณไม่อยากเสี่ยงต่อปัญหาสุขภาพกระดูกที่จะตามมา
1.การนั่ง
-นั่งไขว่ห้าง จะทำให้เกิดการกดทับน้ำหนักตัวลงที่ก้นข้างใดข้างหนึ่งเป็นผลให้กระดูกคดและโค้งงอ
โดยเฉพาะ กระดูกสันหลังและบริเวณอุ้งเชิงกราน ทำให้มีอาการปวดคอและหลังตามมา
-นั่งกอดอก จะทำให้กระดูกหลังช่วงบนสะบักและหัวไหล่ถูกยืดออก
ผลก็คือหลังช่วงบนจะงองุ้มและกระดูก ช่วงคอยื่นไปข้างหน้า
ซึ่งมีผลต่อการทำงานของเส้นประสาทที่ไปหล่อเลี้ยงที่แขน
และอาจเป็นเหตุให้กล้ามเนื้อที่มืออ่อนแรงและเกิดอาการชา ทั้งนี้
หากกระดูกช่วงคอเกิดการผิดรูป ก็จะทำให้กล้ามเนื้อคอหดเกร็ง
และส่งผลเสียต่อการทำงานของหลอดเลือดที่ไปหล่อเลี้ยงสมอง
นำไปสู่อาการปวดศีรษะเรื้อรังหรือไมเกรนได้
-นั่งหลังงอหรือหลังค่อม โดยเฉพาะในกรณีที่นั่งในท่าเดิมติดต่อกันเป็นเวลานาน
เช่นการทำงานหน้าจอคอมพิวเตอร์ จะทำให้กล้ามเนื้อเกร็งค้าง
ซึ่งจะก่อให้เกิดการคั่งของกรดแลคติก ส่งผลให้เกิดอาการปวดเมื่อยที่บริเวณหัวไหล่
และสะโพก และอาจทำให้กระดูกผิดรูปอีกด้วย
-นั่งบนเก้าอี้โดยไม่พิงพนักหรือนั่งไม่เต็มก้น การนั่งในลักษณะนี้ ทำให้ฐานในการรับน้ำหนักตัวน้อยกว่าที่ควรจะเป็น
ส่งผลให้กล้ามเนื้อที่หลังทำงานหนักกว่าปกติ และเกิดเป็นผลเสียต่อกระดูกสันหลัง
ทางที่ดีนั้น ควรนั่งเก้าอี้ให้เต็มก้น พร้อมเอนหลังไปที่พนักพิง
เพื่อให้ร่างกายถ่ายน้ำหนักบางส่วนไปที่เก้าอี้ แทนที่จะทรงตัวด้วยกระดูกสันหลังเท่านั้น
2.การยืน
-ยืนหลังค่อมหรือแอ่นตัวไปข้างหน้า จะทำให้ปวดหลังและเกิดความผิดปกติของแนวกระดูกช่วงล่าง
การยืนหลังตรง และเกร็งหน้าท้องเล็กน้อยจะดีที่สุด
-ยืนโดยลงน้ำหนักไปที่ขาข้างใดข้างหนึ่ง
การยืนในลักษณะนี้จะส่งผลเสียต่อขาข้างที่ได้รับการทิ้งน้ำหนัก
และอาจนำไปสู่อาการปวดและเป็นตะคริวได้ ท่ายืนที่ถูกต้องนั้น
ควรยืนให้ขากว้างเท่ากับสะโพกโดยลงน้ำหนักไปที่ขาทั้งสองข้างเท่า ๆ กัน
เพื่อความสมดุลของร่างกาย
3.แฟชั่นอันตราย
-ใส่รองเท้าส้นสูงเกิน
1 นิ้วครึ่ง สำหรับสุภาพสตรีการใส่ส้นสูงอาจช่วยเสริมสร้างบุคลิกให้ดูสง่าขึ้นแต่ข้อเสียก็คือการใส่รองเท้าที่สูงเกินไปอาจส่งผลให้เกิดอาการปวดหลังที่เกิดจากความผิดปกติของแนวกระดูกสันหลังได้
-สะพายกระเป๋าหนักเพียงข้างเดียว
กระเป๋าสะพายกับผู้หญิงนับเป็นของคู่กัน แต่หากใช้กระเป๋าที่หนักจนเกินไป
และสะพายไว้บนไหล่เพียงข้างเดียว อาจทำให้เกิดการเจ็บปวดบริเวณหัวไหล่
เนื่องจากกล้ามเนื้อ และกระดูกต้องรับน้ำหนักมากจนทำให้กระดูกคดงอได้
วิธีที่เหมาะสม คือ เลือกใช้กระเป๋าน้ำหนักเบา บรรจุของในกระเป๋าแต่พอดี
และสลับด้านสะพายระหว่างข้างซ้ายและขวาให้เท่า ๆ กัน
4.การนอน
-นอนคว่ำ โดยเฉพาะการนอนคว่ำเพื่ออ่านหนังสือ
เป็นสิ่งที่ไม่ควรทำอย่างยิ่ง เพราะจะทำให้กระดูกสันหลังแอ่นมากจนผิดปกติ
ทั้งยังก่อให้ เกิดอาการปวดคอและปวดหลังอีกด้วย
-นอนขดตัวคุดคู้ การนอนหดแขนและขาจะทำให้กระดูกสันหลังบิดงอผิดรูป
และเกิดอาการเจ็บที่กล้ามเนื้อได้ ท่านอนที่ถูกต้องนั้น
แนะนำให้นอนหงายและใช้หมอนหนุนศีรษะที่ไม่แข็งหรือนิ่มจนเกินไป
และหลีกเลี่ยงการนอนบนหมอนที่สูงเกินไป
-นอนดูโทรทัศน์หรืออ่านหนังสือ
คนทั่วไปมักติดนิสัยนอนเอนหลังดูโทรทัศน์หรืออ่านหนังสือ
ซึ่งส่วนใหญ่มักเป็นท่ากึ่งนั่งกึ่งนอนไถลตัวไปบนโซฟาหรือเตียงนอน
ทำให้ต้องงอลำคออันอาจเป็นผลให้กระดูกคอสึก และเกิดอาการปวดหลัง
เพราะกระดูกหลังแอ่น
5.เครื่องดื่มควรระวัง
-น้ำอัดลม เนื่องจากน้ำอัดลมมีกรดฟอสฟอริกเป็นส่วนประกอบ การดื่มเป็นประจำติดต่อกันจึงก่อให้เกิดการสะสมของกรดฟอสฟอริกมากขึ้น ซึ่งมีผลให้ระดับแคลเซียมในร่างกายลดต่ำลง จนอาจนำไปสู่ภาวะกระดูกพรุนได้
-เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ส่งผลในทางอ้อมต่อระดับแคลเซียมในร่างกาย
ด้วยการทำให้ปริมาณวิตามินดีลดต่ำซึ่งทำให้การดูดซึมแคลเซียมลดต่ำลงด้วย
ทั้งยังไปเพิ่มการขับแมกนีเซียมออกจากร่างกาย
-กาแฟ มีงานวิจัยระบุว่าการดื่มกาแฟเกินกว่าวันละ 2 ถ้วย
จะเพิ่มความเสี่ยงต่ออุบัติการณ์ของกระดูก เปราะบางได้เนื่องจากสารคาเฟอีนในกาแฟ
จะกระตุ้นให้ร่างกายขับแคลเซียมออกมาทางปัสสาวะมากขึ้น
การจะมีสุขภาพกระดูกที่แข็งแรงได้นั้น
จึงหมายถึงการใส่ใจดูแลกระดูกอย่างต่อเนื่องในทุก ๆ วันไม่ว่าคุณจะอยู่ในช่วงวัยใด
ผลิตภัณฑ์ จ้อนท์แคร์(jontkare) สามารถป้องกันปัญหาโรคข้อเสื่อม ได้ผลจริง
จ้อนท์แคร์(jontkare) เป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ล่าสุดที่ให้ผลจากการรับประทาน
100% เห็นผลจริง รวดเร็ว ชัดเจน
จึงขายดีที่สุดในขณะนี้
ปริมาณและราคา 1 ขวดบรรจุ 30 เม็ด ราคา 1,050 บาท
สั่งซื้อและเป็นตัวแทนจำหน่ายที่
คุณ วีระชัย ทองสา โทร.084-6822645
, 085-0250423
ID
Line : weerachaicoffee
อีเมล์ weerachai.coffee@hotmail.com
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น