โรคเก๊าท์เป็นโรคที่เกิดจากการสะสมของกรดยูริคในร่างกายเป็นระยะเวลานาน
จนเกิดการตกผลึกของเกลือยูเรตในข้อ และเกิดข้ออักเสบตามมาในที่สุด
โรคเก๊าท์มักหมายถึงโรคข้ออักเสบเก๊าท์แต่ความจริงแล้วผลึกของเกลือยูริคยังอาจสะสมในอวัยวะอื่น ๆ นอกเหนือจากข้อได้ด้วย เช่น สะสมที่ผิวหนังเรียกว่าปุ่มก้อนโทฟัส หากสะสมที่ไตจะทำให้เกิดนิ่วในไตหรือไตวายเรื้อรังได้
โรคเก๊าท์มักหมายถึงโรคข้ออักเสบเก๊าท์แต่ความจริงแล้วผลึกของเกลือยูริคยังอาจสะสมในอวัยวะอื่น ๆ นอกเหนือจากข้อได้ด้วย เช่น สะสมที่ผิวหนังเรียกว่าปุ่มก้อนโทฟัส หากสะสมที่ไตจะทำให้เกิดนิ่วในไตหรือไตวายเรื้อรังได้
โรคเก๊าท์มีอาการอย่างไร?
โรคเก๊าท์มักจะเป็นที่ข้อในบริเวณส่วนล่างของร่างกายคือเข่า ข้อเท้า
ข้อนิ้วเท้า โดยข้อแรกสุดที่เป็นมักจะเป็นที่ข้อเท้า หรือข้อโคนหัวแม่เท้า
ข้อที่เป็นมักจะอักเสบอย่างรุนแรงคือ ปวด
บวม แดง และร้อน อาการปวดจะมากขึ้นเรื่อย ๆ จนถึงจุดสูงสุดภายใน 24-48 ชม. หากอักเสบมากอาจมีไข้ร่วมด้วย
หลังจากนั้นอาจจะทุเลาลงเองได้
หากไม่ได้รับการดูแลรักษาที่ถูกต้องต่อมาการอักเสบจะเกิดบ่อยขึ้น จำนวนข้อที่อักเสบจะมากขึ้น อาจลามมาถึงข้อในบริเวณส่วนบนของร่างกายได้ เช่น ข้อศอก ข้อมือ ข้อนิ้วมือ การอักเสบแต่ละครั้งจะนานขึ้น รุนแรงขึ้น รักษาได้ยากขึ้นเรื่อย ๆ จนในที่สุดอาจกลายเป็นข้ออักเสบเรื้อรังที่ไม่หายสนิทหรือเกิดการทำลายของข้อ ทำให้เกิดความพิการตามมาได้
หากไม่ได้รับการดูแลรักษาที่ถูกต้องต่อมาการอักเสบจะเกิดบ่อยขึ้น จำนวนข้อที่อักเสบจะมากขึ้น อาจลามมาถึงข้อในบริเวณส่วนบนของร่างกายได้ เช่น ข้อศอก ข้อมือ ข้อนิ้วมือ การอักเสบแต่ละครั้งจะนานขึ้น รุนแรงขึ้น รักษาได้ยากขึ้นเรื่อย ๆ จนในที่สุดอาจกลายเป็นข้ออักเสบเรื้อรังที่ไม่หายสนิทหรือเกิดการทำลายของข้อ ทำให้เกิดความพิการตามมาได้
โรคเก๊าท์มีวิธีการวินิจฉัยอย่างไร
การวินิจฉัยที่แน่นอนที่สุดสำหรับโรคนี้ คือการตรวจพบผลึกของเกลือยูเรตจากน้ำไขข้อซึ่งได้มาจากการเจาะตรวจน้ำไขข้อขณะที่มีการอักเสบ หรือจากปุ่มก้อนโทฟัสซึ่งได้มาจากการใช้ปลายเข็มสะกิดมาตรวจ แต่ในกรณีที่ไม่มีโอกาสได้ตรวจด้วยวิธีการข้างต้น แพทย์จะพิจารณาจากประวัติของผู้ป่วยการตรวจร่างกาย และผลเลือดมาประกอบกันในการวินิจฉัยโรค
มีความเข้าใจผิดกันมากว่าการตรวจเลือดเพื่อหาระดับกรดยูริคเป็นการวินิจฉัยโรคเก๊าท์ แท้ที่จริงแล้วการตรวจเลือดเพื่อหาระดับกรดยูริคนั้นเป็นเพียงส่วนประกอบที่ช่วยในการวินิจฉัยโรคเท่านั้น โดยต้องใช้ประกอบกับการซักประวัติ และการตรวจร่างกายโดยแพทย์ การตรวจพบระดับกรดยูริคในเลือดสูงเพียงอย่างเดียวมิได้ หมายความว่าผู้ป่วยจะต้องเป็นโรคเก๊าท์เสมอไป มีสาเหตุอื่น ๆ มากมายที่ทำให้ตรวจพบระดับกรดยูริคในเลือดสูงโดยที่ผู้ป่วยมิได้เป็นโรคเก๊าท์
ระดับกรดยูริคในเลือดควรมีค่าเท่าใด?
ระดับกรดยูริคในเลือดที่มากกว่า 7 มก./ดล. ติดต่อกันหลายครั้งเรียกว่ามีระดับกรดยูริคในเลือดสูง ในผู้ป่วยโรคเก๊าท์แพทย์จะปรับยาลดกรดยูริคจนได้ระดับต่ำกว่า 6 มก./ดล. ส่วนในรายที่มีปุ่มก้อนโทฟัสจะควบคุมระดับกรดยูริคในเลือดจนต่ำกว่า 5 มก./ดล. แต่ทั้งนี้แพทย์อาจปรับเปลี่ยนเป้าหมายได้ตามความเหมาะสมของผู้ป่วยแต่ละราย
โรคเก๊าท์มีวิธีการรักษาอย่างไร
อันดับแรกสำหรับผู้ป่วยที่ติดสุราเรื้อรัง คือ ต้องเลิกสุราให้ได้เสียก่อน เพราะสุราทำให้ระดับกรดยูริคในเลือดสูง และการรักษาโรคเก๊าท์ต้องอาศัยความร่วมมือจากผู้ป่วยอย่างมาก หากยังคงติดสุราเรื้อรังก็ยากที่จะรักษาโรคนี้ให้ได้ผลดี สำหรับอาหารบางชนิด เช่น เนื้อแดง สัตว์ปีก เครื่องในสัตว์และอาหารทะเลอาจทำให้กรดยูริคในเลือดสูงได้ ไม่ควรรับประทานมากเกินไป ส่วนพืชจำพวกยอดและหน่อ เช่น หน่อไม้ ผักบุ้ง ผักกระเฉด ไม่มีผลต่อโรคเก๊าท์
ผู้ป่วยสามารถรับประทานได้ตามปกติ นอกจากนี้ผู้ป่วยควรดื่มน้ำมาก ๆ ดื่มนมไขมันต่ำเป็นประจำ และควบคุมน้ำหนักตัวให้เหมาะสม
ผลิตภัณฑ์ จ้อนท์แคร์(jontkare) สามารถป้องกันและแก้ปัญหาโรคเก๊าท์
ได้ผลจริง
จ้อนท์แคร์(jontkare) เป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ล่าสุดที่ให้ผลจากการรับประทาน 100% เห็นผลจริง รวดเร็ว ชัดเจน จึงขายดีที่สุดในขณะนี้
ผลิตภัณฑ์ จ้อนท์แคร์(jontkare) สามารถป้องกันและแก้ปัญหาโรคข้อเสื่อม
ได้ผลจริง
ปริมาณและราคา 1 ขวดบรรจุ 30 เม็ด ราคา 1,050 บาท
สั่งซื้อและเป็นตัวแทนจำหน่ายที่
คุณ วีระชัย ทองสา โทร.084-6822645
, 085-0250423
ID
Line : weerachaicoffee
อีเมล์ weerachai.coffee@hotmail.com
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น